วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2561

เจ้าจอมคนสุดท้าของราชวงศ์จักรี เจ้าจอม ม.ร.ว สดับ(สกุลลดาวัลย์) ผู้มั่นคงในรักจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต

คุณหญิงสดับ หรือที่รู้จักในหมู่ชาววังคือ หม่อมราชวงศ์หญิงสดับ ลดาวัลย์ หญิงสาวราชนิกูลผู้นี้เข้าถวายตัวในตำแหน่งของเจ้าจอมในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เป็นเจ้าจอมพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนั้นท่านยังเป็นคนสุดท้ายที่ได้ร้องเพลง นางร้องไห้ และเจ้าจอมคนสุดท้ายของราชวงศ์จักรี


เมื่อท่านมีอายุได้ 11 ปี หม่อมยายได้พาท่านไปถวายตัวเป็นข้าหลวงใน ตำหนักพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ซึ่งพระองค์ได้ทรงอบรมเลี้ยงดูหม่อมราชวงศ์สดับในฐานะพระญาติ และยังโปรดให้เรียนหนังสือทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ รวมทั้งหัดงานฝีมือ ตลอดจนการอาหารคาวหวานจนเชี่ยวชาญ นอกจากความอัจฉริยภาพและความงามแล้ว ความมีเสียงอันไพเราะของท่าน ยังเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นด้วย

เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2449 หม่อมราชวงศ์สดับได้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันนั้นคุณหญิงสดับได้รับพระราชทาน "กำไลมาศ" จากพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นกำไลทองคำแท้จากบางสะพานหนักสี่บาท ทำเป็นรูปตะปูสองดอกไขว้กัน ในขณะนั้น คุณหญิงสดับมีอายุเพียง 16 ปี และในวันนี้ถือว่าเป็นวันที่ท่านมีความสุขมากที่สุด ตลอดระยะเวลาในการเป็นข้าทูลละอองพระบาท คุณหญิงได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ จงรักภักดีหาที่สุดไม่ได้

ไม่นานนักพระเจ้าอยู่หัวก็โปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น พระสนมเอก อันเป็นตำแหน่งที่เจ้าจอมมารดาหลายๆ ท่านที่รับราชการมาช้านานก็ยังไม่ได้เป็นพระสนมเอก แต่คุณหญิงสดับซึ่งเป็นเพียงเด็กสาววัยรุ่น และเพิ่งเข้ามารับราชการเป็นเจ้าจอมกลับได้รับพระราชทานตำแหน่งที่สูงถึงเพียงนี้ ยิ่งก่อให้เกิดความอิจฉาริษยาจากคนรอบข้าง ด้วยวัยเพียง 17 ปีท่านจึงได้เล่าถึงความรู้สึกครั้งนั้นว่า

"...เหลียวไปไหนพบแต่ศัตรู คุณจอมท่านนั้นส่อเสียดว่าอย่างนั้น คุณจอมท่านนี้ว่าอย่างนี้ ตรองดูทีข้าพเจ้าจะย่อยยับแค่ไหน"ด้วยความอายุยังน้อย ขาดความยั้งคิด ท่านจึงตัดสินใจทำลายชีวิตตนเองด้วยการกินน้ำยาล้างรูปแต่ก็รักษารอดมาได้ "

แม้ว่าท่านจะถูกกลั่นแกล้งใส่ร้ายป้ายสีไปต่างๆนาๆแต่ก็มิเคยที่จะปริปากเพ็ดทูลสิ่งใดๆให้เป็นที่หนักพระทัยของพระเจ้าอยู่หัว จึงทำให้ไม่สามารถมีสิ่งใดมาทำลายความรักที่ท่านมีต่อ รัชกาลที่ 5 ได้ นับว่าท่านเป็นเจ้าจอมที่รัชกาลที่ 5 โปรดมากในเวลานั้น คุณหญิงสดับรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่เคยทูลขอพระราชทานทรัพสินมีค่าแต่อย่างใด ด้วยอุปนิสัยค่อนข้างจะเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ไม่น้อยจึงเป็นที่สนิทเสน่หามากขึ้นไปอีกถึงกับพระราชทานสิ่งของมีค่าให้อยู่เนืองๆ

เมื่อรัชกาลที่ 5 สวรรคต ในขณะนั้นคุณหญิงสดับมีอายุแค่เพียง 20 ปี ท่านจึงตัดสินใจสละสมบัติของมีค่าทุกอย่างที่เคยได้รับพระราชทานให้แก่สมเด็จพระพันปีหลวง เพื่อไม่ให้เกิดการครหาว่าท่านจะนำสมบัติไปปรนเปรอชายอื่น เนื่องจากนเวลานั้นตัวคุณหญิงสดับเองก็เปรียบเหมือนแม่หม้ายสาวสวยทรงเครื่องสมบัติชุดใหญ่แน่นอนว่าต้องเป็นที่สนใจของเหล่าภมรที่ต้องการจะดอมดม

ไม่นานนักคุณหญิงสดับจึงตัดสินใจหลบหลีกความวุ่นวายในราชสำนัก หาความสงบให้แก่จิตใจโดยการบวชชีจำวัดอยู่ที่วัดเขาบางทรายจังหวัดชลบุรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัวชายผู้เป็นที่รัก โดยมีกำไลมาศเพียงอย่างเดียวที่เหลือติดตัวของท่านไป ท่านได้ปฏิญาณตนอย่างแน่วแน่ว่าจะครองตนเป็นหม้ายโสดเพื่อรักษาเกียรติยศแห่งการเป็นพระสนมในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ตลอดชีวิต (เป็นเจ้าจอมคนสุดท้ายของราชวงศ์จักรีที่ยังดำรงชีพและถึงแก่อนิจกรรมในรัชกาลที่ 9)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น